ปฏิกิริยานิวเคลียร์ (Nuclear
Reaction) คือ
กระบวนการที่นิวเคลียสเกิดการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบซึ่งเกิดจากการยิงด้วยนิวคลีออน
หรือกลุ่มนิวคลีออน หรือรังสีแกมมา แล้วทำให้มีนิวคลีออนเพิ่มเข้าไปในนิวเคลียสหรือออกไปจากนิวเคลียสหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงจัดตัวใหม่ภายในนิวเคลียส
สามารถเขียนสมการของปฏิกิริยาได้ดังนี้




โดยที่ X เป็นนิวเคลียสที่เป็นเป้า , a
คืออนุภาคที่วิ่งเข้าชนเป้า , b คืออนุภาคที่เกิดขึ้นใหม่หลังจากการชน
และ Y คือนิวเคลียสของธาตุใหม่หลังจากการชน
เช่น
แสดงถึงว่า
เป็นนิวเคลียสเป้าหมายที่ถูกยิง
เป็นนิวเคลียสของธาตุใหม่ที่เกิดขึ้น n คือนิวตรอนเป็นอนุภาคที่ใช้ในการยิง
และ เป็นรังสีที่เกิดขึ้นใหม่ เป็นต้น



ปฏิกิริยานิวเคลียร์
ส่วนมากเกิดจากการยิงอนุภาคแอลฟา โปรตอนและนิวตรอนเข้าไปในชน
Nucleus ทำให้ Nucleus แตกออก
ปฏิกิริยานิวเคลียร์ มีส่วนสำคัญคือ
1. ปฏิกิริยา Nuclear เกิดในนิวเคลียส ต่างจากปฏิกิริยาเคมี ซึ่งเกิดกับอิเลกตรอนภายในอะตอม
2. ปฏิกิริยา Nuclear ต้องใช้พลังงานเป็นจำนวนมากเพื่อจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนิวเคลียส
3. แรงจากปฏิกิริยา Nuclear เป็นแรงแบบใหม่ เรียก แรงนิวเคลียร์ ซึ่งมีอันตรกริยาสูง และอาณาเขตกระทำสั้นมากและแรงนี้เกิดระหว่างองค์ประกอบของนิวเคลียสเท่านั้น
4. ในปฏิกิริยานิวเคลียส เราสามารถนำกฎต่างๆ มาใช้ได้เป็นอย่างดี คือ กฎการคงที่ของพลังงาน กฎทรงมวล และการคงที่ของประจุไฟฟ้า
1. ปฏิกิริยา Nuclear เกิดในนิวเคลียส ต่างจากปฏิกิริยาเคมี ซึ่งเกิดกับอิเลกตรอนภายในอะตอม
2. ปฏิกิริยา Nuclear ต้องใช้พลังงานเป็นจำนวนมากเพื่อจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนิวเคลียส
3. แรงจากปฏิกิริยา Nuclear เป็นแรงแบบใหม่ เรียก แรงนิวเคลียร์ ซึ่งมีอันตรกริยาสูง และอาณาเขตกระทำสั้นมากและแรงนี้เกิดระหว่างองค์ประกอบของนิวเคลียสเท่านั้น
4. ในปฏิกิริยานิวเคลียส เราสามารถนำกฎต่างๆ มาใช้ได้เป็นอย่างดี คือ กฎการคงที่ของพลังงาน กฎทรงมวล และการคงที่ของประจุไฟฟ้า
ข้อควรจำ
1. ในสมการของปฏิกิริยานิวเคลียร์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น
ผลรวมของเลขอะตอมก่อนเกิดปฏิกิริยาและภายหลังปฏิกิริยาย่อมเท่ากัน และผลรวมของมวลอะตอมก่อนเกิดปฏิกิริยาและภายหลังปฏิกิริยาย่อมเท่ากัน
เช่น ปฏิกิริยา 

เขียนได้เป็น





เลขอะตอมคือ
7 + 2
=
8 + 1
มวลอะตอมคือ 14
+
4
=
17 + 1
2. ในปฏิกิริยานิวเคลียร์นั้นพลังงาน
หรือ มวล-พลังงาน (mass – energy) ก่อนปฏิกิริยาและหลังปฏิกิริยาจะต้องเท่ากันเสมอ
ซึ่งเป็นไปตามกฎทรงพลังงาน ดังเช่น
ในการยิงอนุภาคโปรตอนไปยังนิวเคลียสของลิเทียมแล้วทำให้เกิดนิวเคลียสของฮีเลียม 2
นิวเคลียส ดังสมการ



โดยที่
มีมวล 7.0160
u
มีมวล 4.0026 u



มวลก่อนเกิดปฏิกิริยา
= 7.0160 u + 1.0078
u = 8.0238 u

มวลหลังเกิดปฏิกิริยา
= 4.0026 u + 4.0026
u = 8.0052 u

มวลรวมก่อนเกิดปฏิกิริยามากกว่ามวลรวมหลังปฏิกิริยา
= 8.0238 u – 8.0052 u
= 0.0186 u
แต่มวลสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานได้โดย
E = 0.0186 u × 931
MeV = 17.32 MeV
โดยพลังงานที่ให้ออกมาอยู่ในรูปคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ออกมาจากปฏิกิริยานิวเคลียร์
จึงเรียก ว่าพลังงานนิวเคลียร์ ดังนั้นเขียนสมการข้างต้นใหม่ได้ว่า



ปฏิกิริยานิวเคลียร์บางปฏิกิริยาต้องดูดพลังงานเข้าไปจึงจะเกิดปฏิกิริยาขึ้นได้
เช่น ปฏิกิริยา
เขียนเป็นสมการได้




โดยที่
มีมวล = 14.003074
u
มีมวล = 4.002603 u




มวลก่อนเกิดปฏิกิริยา
=
14.003074 u + 4.002603 u =
18.005677 u

มวลหลังเกิดปฏิกิริยา
=
18.005677 u + 1.007825 u
= 18.006958 u

ผลต่างของพลังงานก่อนเกิดปฏิกิริยากับหลังเกิดปฏิกิริยามีค่าดังนี้
E
= (18.005677 u – 18.006958 u) ×
931MeV = -1.193 MeV
ดังนั้น
เพื่อทำให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์นี้ขึ้นจะต้องให้พลังงานแก่
โดยเขียนเป็นสมการได้




สรุปปฏิกิริยานิวเคลียร์
1. การหานิวเคลียสของธาตุจากปฏิกิริยา
ใช้หลักดังนี้
-ผลรวมของประจุทางซ้ายมือและขวามือของสมการมีค่าเท่ากัน
- จำนวนนิวคลีออนทางซ้ายมือและขวามือของสมการมีค่าเท่ากัน
2. การคำนวณพลังงานจากปฏิกิริยานิวเคลียร์
มีหลักดังนี้
- ถ้ามวลรวมก่อนเกิดปฏิกิริยา > มวลรวมหลักเกิดปฏิกิริยา
; ปฏิกิริยานี้จะคายพลังงาน
ถ้ามวลรวมก่อนเกิดปฏิกิริยา < มวลรวมหลังเกิดปฏิกิริยา
; ปฏิกิริยานี้จะดูดพลังงาน
-พลังงานที่คายหรือดูดจะหาได้จาก
ผลต่างของมวลรวมก่อนทำปฏิกิริยากับหลังทำปฏิกิริยาคูณด้วย 931
โดยมวลอยู่ในหน่วย amu และพลังงานอยู่ในหน่วย
MeV
-มวลที่ใช้อาจเป็นมวลนิวเคลียสโดยตรง หรือ มวลอะตอมก็ต้องเป็นมวลอะตอมหมดจะปนกันไม่ได้
นิวเคลียสก็ต้องเป็นนิวเคลียสหมด หรือมวลอะตอมก็ต้องเป็นมวลอะตอมหมดจะปนกันไม่ได้
8bit Casino - Dr.MCD
ตอบลบThis website 부천 출장마사지 uses cookies. 원주 출장안마 You agree to this by continuing to use this website. You 구미 출장샵 may earn commissions from 익산 출장안마 Rating: 2.9 · 거제 출장안마 13 votes